ทฤษฎี butterfly effect มีผลอะไรกับก้าวที่ดีขึ้น

เคยสงสัยไหมว่าบางครั้ง เราได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อย แต่ผลของมันกลับทำให้เราต้องเสียเวลาเริ่มทำใหม่ หรือล้มเหลวไปเลย ถ้ามันเคยเกิดขึ้นกับคุณจริง ก็แปลว่า คุณเคยสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “butterfly effect” หรือทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกนั่นเอง

ครั้งหนึ่ง เอ็ดเวิร์ด ลออเรนซ์ (Edward Lorenz)ผู้ค้นพบทฤษฎี butterfly effect เขาทำการทดลองทางด้านการพยากรณ์อากาศ ในปี ค.ศ. 1961 เขาใช้คอมพิวเตอร์ซิมูเลชันจำลองภาพบรรยากาศโลก

แต่ในการคำนวณครั้งถัดมาเขาไม่อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อประหยัดเวลาในการคำนวณ เขาจึงใช้ข้อมูลก่อนหน้านี้เป็นค่าเริ่มต้นโดยทดลองปัดค่าเริ่มต้นจาก 0.506 เป็น 0.506127 เพื่อต้องการความละเอียด ผลลัพธ์กลับต่างไปจากเดิมอย่างมากโดยสิ้นเชิง โดยกราฟที่เขาทำการทดลองซ้ำ ๆ มีหน้าตาคล้ายกับผีเสื้อกระพือปีก

เขาจึงได้คำตอบว่า ความผิดพลาดนั้นถึงจะเล็กน้อย บางครั้งมันอาจนำไปสู่หายนะใหญ่หลวงก็เป็นได้

อ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ (Edward Lorenz) ยกตัวอย่างว่า หากผีเสื้อขยับปีกหนึ่งครั้งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะส่งผลให้เกิดพายุทอร์นาโด เท่ากับว่าการขยับของปีกผีเสื้อ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ในเงื่อนไขของระบบนิเวศ แต่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ที่นำไปสู่ปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ได้

คุณลองพิจารณาทั้ง 2 เหตุการณ์สมมติว่า

วันหนึ่งคุณกำลังนั่งรอรถ และเกิดอาการเบื่อ ๆ จึงหันไปทักทายกับผู้หญิงที่นั่งๆคุณ เกิดคุยกันถูกคอกจนในอนาคตคุณได้สานสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง ทำให้ได้แต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และมีลูกด้วยกัน โดยหารู้ไม่ว่าอนาคตลูกที่เกิดจากทั้งคู่เขาจะเป็นกลายมหาเศรษฐี จึงทำให้ความเป็นอยู่ของคุณเรียกได้ว่าสบายตลอดชาติ

แต่ถ้าวันนั้นคุณนั่งเฉยๆ และรถมารับคุณกลับบ้านไป ในเวลาต่อมาคุณได้แต่งงานกับคนอื่นไป หลังจากแต่งงานผ่านไป 10 ปี ภรรยาได้เสียชีวิตลงเนื่องจากอุบัติเหตุ ทำให้คุณต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชาติ

คุณเห็นไหมว่าการกระทำเล็ก ๆ ระหว่างการทักทายผู้หญิงที่นั่งข้างๆกับไม่ทักทาย มันอาจส่งผลต่อบางสิ่งบางอย่างได้ แทบจะเป็นคนละขั้วเสียด้วยซ้ำ

แล้วที่เกิดปัญหาทางมลพิษในอากาศและภาวะโลกร้อนละ ไม่ใช่เกิดจากคนตัวเล็ก ๆ นะเหรอที่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก ฉันขอเผาขยะนิดเดียวเอง ถ้าทุก ๆดันคนคิดแบบเดียวกันหละ จะยิ่งส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ “butterfly effect” ได้ไหม

อย่าให้สิ่งที่ผิดพลาดเล็ก ๆ มาส่งผลต่อความสำเร็จของคุณ

มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ได้เข้าไปสมัครงานตามประกาศ ในตอนเช้าเธอรีบมาก ไม่ทันระวังจึงทำน้ำหกใส่เอกสารประวัติย่อที่จะต้องนำไปสอบสัมภาษณ์งาน เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เช็ดและเก็บใส่แฟ้ม

ครั้นถึงเวลาเข้ารับการสัมภาษณ์งาน เธอส่งแฟ้มประวัติให้กรรมการ และเริ่มบรรยายถึงความสามารถในความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ของตัวเองที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ กรรมการชื่นชมเธออย่างมาก

หลังจากที่เธอกลับมาฟังผลที่บ้าน ผ่านไปหลายวันไม่มีข่าวคราว เธอจึงโทรไปถามไปที่บริษัท คำตอบที่เธอได้รับกลับมาทำให้เธอเจ็บปวดใจอย่างยิ่งมีใจความว่า “กรรมการชอบในความสามารถของคุณมากแต่ที่เราไม่เลือกคุณในวันนั้น เพราะแผ่นเอกสารประวัติย่อของคุณเพียงใบเดียว คุณยังไม่สามารถรักษามันให้สมบูรณ์ได้เลย เราจะสามารถไว้ใจคุณให้มาดูแลพนักงานทั้งแผนกได้อย่างไร”

แค่ผีเสื้อขยับปีกมันก็สามารถล้มยักษ์ได้อย่างนั้นเหรอ

บริษัทขายนำยาบ้วนปากแห่งหนึ่ง มีขนาดใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ ต้องเจอกับวิกฤติเพียงเพราะมีลูกค้าคนหนึ่งเรียกร้องค่าเสียหายไม่กี่แสน ด้วยสาเหตุที่ว่า ญาติของเขาเสียชีวิต เนื่องจากใช้น้ำยาบ้วนปากของบริษัทแห่งนี้

ทว่าศาลได้ตัดสินให้บริษัทชนะคดีความในที่สุด แต่เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไป สำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำข่าวเรื่องการเสียชีวิตไปตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ และโลกโซเชียลได้แชร์เรื่องราวต่อ ๆ กัน

ส่งผลให้ชื่อเสียงของบริษัทขายน้ำยาบ้วนปากแห่งนี้ จากที่มียอดขายมหาศาลลดลงจากหลักหมื่นล้าน เหลือเพียงไม่กี่สิบล้าน ทำให้บริษัทแห่งนี้เจอกับวิกฤติหนักและล้มละลายในที่สุดผีเสื้อตัวเดียวขยับปีก ก็อาจส่งผลให้ยักษ์ล้มได้ เพราะตัดสินใจอย่างละเอียดในการแก้ปัญหา เพราะ คำว่า ชนะในบางสถานการณ์ มันก็อาจไม่ใช่การชนะที่แท้จริงเสมอไป

สรุปแล้วไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะยิ่งใหญ่แค่ไหน หรือเป็นแค่คนธรรมดาๆ ถ้าเข้าใจใน “ทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก” ให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังทำ ใส่ใจกับรายละเอียด มันจะช่วยให้คุณล้มเหลวน้อยลง และมีก้าวที่ดีขึ้นของชีวิต สำหับก้าวต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน