เคยไหม? ที่เห็นข่าวบางอย่างแล้วเชื่อทันทีโดยไม่ตรวจสอบ หรือแชร์ต่อโดยไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน อาจเป็นเพราะข่าวนั้นน่าสนใจ ตรงกับสิ่งที่เราคิด หรือกระตุ้นอารมณ์เราอย่างรุนแรง แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเราถึงถูกหลอกได้ง่ายขนาดนี้? คำตอบอยู่ที่สมองของเราเอง!
1. สมองขี้เกียจ: ไม่ใช่เพราะโง่ แต่เพราะประหยัดพลังงาน
สมองของเรามีทรัพยากรจำกัด การคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนต้องใช้พลังงานมาก ดังนั้น มนุษย์จึงพัฒนา “ทางลัด” ในการประมวลผลข้อมูลเพื่อลดภาระสมอง ซึ่งทางลัดเหล่านี้เรียกว่า Cognitive Bias หรือ อคติทางความคิด ซึ่งช่วยให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้น แต่ก็มักทำให้เราตกหลุมพรางของข่าวปลอมโดยไม่รู้ตัว
2. Cognitive Bias ที่ทำให้เราหลงเชื่อข่าวปลอม
เชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อ…
เรามักจะเชื่อข่าวที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิมของเรา และปฏิเสธข่าวที่ขัดแย้งกับมุมมองของเราเอง นี่คือเหตุผลที่บางคนเชื่อข่าวลือหรือทฤษฎีสมคบคิด แม้จะไม่มีหลักฐานสนับสนุนก็ตาม
ตัวอย่าง: หากคุณเชื่อว่าอาหารเสริมชนิดหนึ่งดีต่อสุขภาพ คุณอาจมีแนวโน้มที่จะเชื่อบทความที่สนับสนุนสิ่งนี้ และละเลยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่โต้แย้ง
อะไรที่จำง่าย มักจะเชื่อว่าเป็นจริง….
สมองของเรามักตัดสินใจจากข้อมูลที่จำได้ง่ายและมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ข่าวที่มีภาพหรือคำบรรยายที่สะเทือนใจจึงมีแนวโน้มที่จะทำให้เราเชื่อมากขึ้น
ตัวอย่าง: ข่าวปลอมเกี่ยวกับอันตรายของวัคซีนมักมีภาพคนป่วยหนัก ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและเชื่อโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
เชื่อเพราะแหล่งข่าวดูน่าเชื่อถือ….
เรามักจะเชื่อข้อมูลจากบุคคลที่ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือจากสื่อที่ดูมีความน่าเชื่อถือ แม้ว่าข้อมูลนั้นจะผิดพลาดก็ตาม
ตัวอย่าง: หากมีคนใส่เสื้อกาวน์ให้สัมภาษณ์ในคลิปวิดีโอเกี่ยวกับยารักษามะเร็งแบบทางเลือก หลายคนอาจเชื่อง่ายขึ้น เพราะดูเหมือนเป็นแพทย์ ทั้งที่อาจไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับเลย
Emotional Bias: อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล….
ข่าวที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว หรือความตื่นเต้น มีแนวโน้มที่จะถูกแชร์มากกว่าข่าวที่เป็นกลาง เพราะสมองของเราตอบสนองต่อสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ได้เร็วกว่าการคิดวิเคราะห์
ตัวอย่าง: ข่าวปลอมเกี่ยวกับอาชญากรรม หรือการฉ้อโกง มักได้รับความสนใจสูง แม้ว่าข้อมูลจะไม่ถูกต้องก็ตาม
3. ทำอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม?
คิดให้ช้า อย่าเพิ่งเชื่อทันที
ก่อนแชร์ข่าวใด ลองหยุดคิดสักครู่ ถามตัวเองว่า ข่าวนี้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้หรือไม่? มีหลักฐานสนับสนุนหรือไม่? ถ้ามันดูเหลือเชื่อเกินไป ก็อาจเป็นไปได้ว่าไม่จริง
3.2 ตรวจสอบแหล่งที่มา
– อ่านข่าวจากหลายแหล่ง อย่าพึ่งพาแค่แหล่งเดียว
– ตรวจสอบว่าแหล่งข่าวนั้นเป็นสื่อที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
– ใช้เว็บไซต์ตรวจสอบข่าวปลอม
3.3 ระวังอารมณ์ของตัวเอง
ถ้าข่าวทำให้คุณโกรธ ตกใจ หรือดีใจเกินไป อาจเป็นไปได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของคุณโดยเฉพาะ ลองสงบสติอารมณ์และตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนแชร์
3.4 ใช้หลักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking)
ถามว่าใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากข่าวนี้?
มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนหรือไม่?
มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่เรื่องนี้จะเป็นจริง?
สรุป: รู้ทันสมองของเรา ป้องกันตัวจากข่าวปลอม
สมองของเราถูกออกแบบมาให้คิดเร็วและใช้พลังงานน้อยที่สุด ทำให้เราตกเป็นเหยื่อของ Cognitive Bias และเชื่อข่าวปลอมได้ง่ายขึ้น แต่หากเราเข้าใจกลไกของสมองและเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามกับข้อมูล เราก็สามารถป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกและช่วยให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น
ครั้งหน้าที่เจอข่าวที่ดูน่าตกใจหรือกระตุ้นอารมณ์ อย่าเพิ่งแชร์! คิดสักนิด ตรวจสอบสักหน่อย แล้วสังคมออนไลน์ของเราจะดีขึ้นแน่นอน!